อ่านไปเถอะอย่าคิดมากน่า.....
ฮีรุ โอโนดะ (Hiroo Onoda)
19มีนาคม 1922 – ??
เกิดที่ ไคนัน ประเทศญี่ปุ่น
เป็นทหารเมื่อ 1941-1974 ตำแหน่งร้อยโทที่สอง
อดีตเคยเป็นชาวนา
ผม เคยดูสารคดีบันทึกโลก ช่อง 9 ครับ เขาเอาเรื่องทหารคนสุดท้ายในสงครามโลกครั้งที่สองมาออก ผมงฺฮ่าไม่ออกเลยแหละ แบบว่าสงครามโลกนะเลิกตั้งนานแล้ว พี่ฮีรุ โอโนดะก็ยังเชื่ออยู่ว่ากองทัพอเมริกายังทำสงครามกับกองทัพของตนเองอยู่ พี่แกก็หมกตัวอยู่แต่ในป่า หลายปีแนะ กว่าจะรู้ว่าสงครามสงบแล้ว
มัน เริ่มมาจากญี่ปุ่นจับมือกับเยอรมันและกำลังต่อกรทัพอเมริกาและทหารฝ่าย สัมพันธมิตร วึ่งระหว่างสงครามเราก็ได้เห็น บทบาทการสู้รบของทหารญี่ปุ่นกับกองทัพที่ล้ำสมัยของอเมริกาอย่างน่าทึ้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าฝ่ายญี่ปุ่นเสียเปรียบ แต่กระทำให้ทัพที่ยิ่งใหญ่ของโลกเกือบแพ้มาแล้ว นั้นได้แสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบวินัย ความกล้าหาญ และความทรหดอดทนอย่างน่าพิศวงของกองทัพญี่ปุ่น
จนกระทั้งญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศแถบเอเชียอาคเนย์ได้เกือบทั้งหมด และประเทศฟิลิปปินส์ก็คือหนึ่งในประเทศนั้น บนเกาะลูบัง(Lubang)ของ ฟิลิปปินส์มีกองทหารญี่ปุ่นประจำการอยู่กองหนึ่ง ทหารกองนี้มี พันโท โยชิมา ตานาคูชิ เป็นผู้บังคับบัญชา เวลานั้นเป็นช่วงปลายสงครามแล้ว กองทัพญี่ปุ่น เพลี่ยงพล้ำในการสู้รบต่อฝ่ายสัมพันธมิตรหลายสมรภูมิ แต่ทหารญี่ปุ่นก็ทำการต่อสู้ไม่ท้อถอยอย่างกล้าหาญและทรหด
ส่วนตัว ร้อยโท ฮีรุ โอโนดะ เขาถูกฝึกฝนเป็นทหารที่โรงเรียน นากาโน และเขามาประจำการที่เกาะลูบัง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1944
วัน หนึ่ง ร้อยโท ฮีรุ โอโนดะ ได้รับคำสั่งจากพันโทโยชิมา ตานาคูชิ ให้นำทหารหมวดหนึ่งเข้าไปปฏิบัติการพิเศษในป่าบนเกาะลูบัง เพื่อสอดแนมกาเคลื่อนไหวของข้าศึก
ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ จึงนำทหารใต้บังคับบัญชาเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในป่าลึก
เวลา นั้นพอดีอเมริกาได้ถล่ม เมืองฮิโรชิมา กับ นางาซากิ ด้วยระเบิดปรมาณูมีผู้คนล้มตายนับแสนคน จักรพรรดิฮิโรฮิโต แห่งญี่ปุ่นเห็นท่าไม่ดี เลยประกาศยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยปราศจากเงื่อนไข มีพระราชโองการให้กองทัพญี่ปุ่นทุกกองทัพยอมแพ้และวางอาวุธ กองทหารญี่ปุ่นซึ่งประจำการบนเกาะลูบังก็ยอมแพ้ด้วยทั้งหมดจึงต้องถอนกำลัง ออกไปจากเกาะไป
แต่ ดูเหมือนว่าผู้บังคับบัญชาดันลืมบอกข่าวนี้แก่ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ และพรรคพวกให้ทราบว่า เนื่องจากติดต่อกับพวกเขาไม่ได้ จึงไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าร้อยโทฮีรุยังมีชีวิตอยู่และกำลังทำภารกิจในป่าฟิลิปปินส์ .........
เมื่อ ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ และทหารใต้บังคับบัญชากลับมายังที่ตั้งของกองทหาร จึงไม่พบใครเลย แถมร้อยโทฮีรุ โอโนดะจึงผิดอีกว่ากองทหารของเขาถูกทหารฝ่ายศัตรูโจมตีจนต้องถอยหนีจากเกาะ เขาจึงตัดสินใจนำทหารหลบเข้าไปในป่าเพื่อทำการสู้รบต่อไปอีก และหลบซ่อนอำพรางตัวอยู่ในป่าบนเกาะลูบังเรื่อยมาและคิดว่าสงครามยังดำเนิน อยู่(ทั้งๆ ที่สงครามเลิกแล้ว)
ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ และพรรคพวก(ประกอบด้วย โยะชิ อะกาซึ(Yuichi Akatsu),สิบโท ไซโอชิ ชิมาดะ(Siochi Shimada) และ คินซิชิ โคซูกะ (Kinshichi Kozuka )กลาย เป็นทหารญี่ปุ่นหน่วยสุดท้ายที่ตกค้างอยู่ในป่าบนเกาะลูบัง ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นก็ไม่รู้และคิดว่าทหารหน่วยนี้คงเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติ ภารกิจไปหมดแล้ว
การ ดำเนินชีวิตในป่าของโทฮีรุ โอโนดะและพรรคพวก(มี 3คน) กลายเป็นเกมเอาตัวรอดซะแล้ว พวกเขาต้องอาศัยถ้ำเป็นที่พัก และหาอาหารจากป่ามากินเพื่อรอดไปวันๆ (บางครั้งก็ขโมยอาหารจากชาวบ้านมากิน) ซึ่งจนบัดนี้ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ก็ไม่ยอมแพ้เขาไม่ยอมนำทหารออกมาจากป่ามามอบตัวกับศัตรูอย่างเด็ดขาด เขาเชื่อว่าสงครามยังต่อสู้อยู่ และจักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังชนะ
ชีวิตของโทฮีรุ โอโนดะยังดำเนินต่อไป ครั้งแรกที่เขาเห็นใบปลิวจากเครื่องบินบอกว่าสงครามโลกยุติเมื่อ ตุลาคม 1945 โทฮีรุ โอโนดะกลับไม่เชื่อเพราะนึกว่านี้เป็นแผนศัตรูหลอกให้พวกเขาหลงไปติดกับดัก พวกเราอย่าไปเชื่อเด็ดขาดนะ อยู่ในป่าปลอดภัยกว่าว่างั้นเถอะ
เวลา ผ่านไปจากเดือนเป็นปี...และหลายปีต่อมา...ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ กับทหารของเขาก็ยังหลบซ่อนอยู่ในป่าและพร้อมจะต่อสู้กับฝ่ายศัตรูโดยไม่ยอม แพ้อย่างเด็ดขาด(ศัตรูที่นี้คือชาวบ้านฟิลิปปินส์ที่ไปหาของป่า) มีหลายครั้งที่ทหารญี่ปุ่นกลุ่มนี้แอบออกมาลาดตระเวนดูที่ตั้งกองทหารของพวก เขาแต่ไม่พบเห็นอะไรเลย นอกจากชาวบ้านซึ่งกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเช่นเดิม กระนั้นทหารญี่ปุ่นก็คิดว่าฝ่ายข้าศึกได้ยึดครองพื้นที่ไว้ได้ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงถอยกลับเข้าไปอยู่กลางป่าลึกเหมือนเดิม
มา ถึงตอนนี้สงครามของโทฮีรุ โอโนดะกลับกลายเป็นว่าต้องสู้ศัตรูกับชาวบ้านแทน โทฮีรุต้องฆ่าชาวบ้านหลายคน และมีบางครั้งเขาต้องหนีจากกลุ่มชาวบ้านที่มีมีดพร้าปืนเพียงหนีเข้าป่าจน เอาชีวิตไม่รอด ชาวบ้านเรียกโอนาดะกับพรรคพวกว่า “ปีศาจแห่งป่าลูบัง”
เวลาผ่านไปจากหลายปีเป็นสิบปี และจำนวนปีก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โทฮีรุ โอโนดะและทหารทั้งสามยังใช้ชีวิตต่อไป
ใน 1952 มีจดหมาย และประกาศบอกว่าสงครามเลิกแล้วนะ ถูกปล่อยลงเครื่องบินให้แต่ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ และสามทหารก็ไม่เชื่ออีกว่าสงครามเลิกแล้ว
1953 ก็มีประกาศยุติสงครามมาอีก แต่ร้อยโทฮิรุ โอโนดะ และสามทหารก็ไม่เชื่ออีก
จากนั้นทหารในหน่วยของร้อยโทฮีรุ โอโนดะ เสียชีวิตไปทีละคนสองคน
มิถุนายน1953 ชิมาดะ ถูกยิงที่ขาและเจ็บไข้ได้ป่วยตาย
1954 โยะชิ อะกาซึถูกฆ่าโดยปืนจากคณะสำรวจที่กำลังค้นหาทหารที่เหลืออยู่บนเกาะลูบัง(เจริญ....)
19 ตุลาคม1972 คินซิชิ โคซูกะ ถูกฆ่าโดยสองเจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์ยิงตาย เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย เพราะทหารญี่ปุ่นคนนั้นใช้อาวุธปืนประจำการยิงเข้าใส่ก่อน
จาก ความเจ็บไข้ได้ป่วยและไม่มียารักษาโรค ทั้งๆ ที่ถ้าพวกเขายอมแพ้พาเพื่อที่เจ็บป่วยเหล่านี้ไปรักษาในเมืองพวกเขาก็จะรอด ชีวิตแท้ๆ เพราะตอนนี้โลกภายนอกนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เพราะสงครามโลกยุติไปหลายปีแล้ว
ทหาร คนสุดท้ายภายใต้การบังคับบัญชาของร้อยโทฮีรุ โอโนดะ เสียชีวิตในปี 1972 ขณะลักลอบเข้ามาหาอาหารในหมู่บ้านชายป่า แล้วถูก คราวนี้ก็เหลือร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ดำรงชีวิตอยุ่ในป่าเพียงลำพังคนเดียว
แม้ จะเหลืออยู่อย่างโดดเดี่ยวโทฮีรุ โอโนดะ ก็ไม่ยอมแพ้ เขายังสู้ต่อไป จนกระทั้งมีข่าวของทหารคนสุดท้ายของญี่ปุ่นแห่งเกาะลูบังถึงหูทางการญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามบอกข่าวแก่ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ที่ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกแล้วนะออกมาได้แล้ว แต่กระนั้นก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากโอโนดะ คิดว่าเป็นกลอุบายของข้าศึกที่จะหลอกจับตัวเขา แม้จะนำพระราชโองการของพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตนำไปติดไว้ทุกหนทุกแห่งในป่า ด้วยหวังว่าร้อยโทฮิรุ โอโนดะ มาพบเข้าจะยอมวางอาวุธแล้วออกมาปรากฏตัว แต่วิธีนี้ก็ไม่ได้ผลอีก เพราะร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ไม่เชื่อว่าประกาศพระราชโองการนั้นเป็นความจริง
จน กระทั้ง.... นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งบังเอิญไปพบร้อยโทฮิรุ โอโนดะ ในป่า พวกเขาพูดจากันถูกคอ และเล่าความจริงให้ทราบว่าสงครามยุติไปนานแล้ว และขอร้องให้เขาออกมาปรากฏตัวเสียที แต่ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ก็ยังไม่เชื่ออีกและบอกว่าให้ผู้บังคับบัญชาของเขาคือ พันโทโยชิมา ตานาคูชิ มายืนยันด้วยตัวเองก่อนถึงจะเชื่อ
toshiyama(<<<<พันโทโยชิมา ตานาคูชิ)
ทาง การญี่ปุ่นจึงพยายามติดต่อตามหาตัวพันโทโยชิมา ตานาคูชิ (วันหลังอย่าลืมสิพวก) จนพบและส่งผู้บังคับบัญชาของร้อยโทฮีรุ โอโนดะ พร้อมกับคณะติดตามคณะหนึ่งเดินทางไปยังเกาะลูบัง และได้พบร้อยโทฮีรุ โอโนดะ และอดีตพันโทโยชิมา ตานาคูชิ ก็แจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ทราบ และออกคำสั่งให้เขาวางอาวุธ นายทหารใจเพชร ผู้แข็งกร้าวและยึดมั่นในวินัยจึงยอมวางอาวุธพร้อมกับเดินทางออกจากป่าเมื่อ วันที่ 10 มีนาคม 1974 หลังจากหลบซ่อนอยู่ในป่านานถึง 29 ปี
ทาง การญี่ปุ่นจึงพยายามติดต่อตามหาตัวพันโทโยชิมา ตานาคูชิ (วันหลังอย่าลืมสิพวก) จนพบและส่งผู้บังคับบัญชาของร้อยโทฮีรุ โอโนดะ พร้อมกับคณะติดตามคณะหนึ่งเดินทางไปยังเกาะลูบัง และได้พบร้อยโทฮีรุ โอโนดะ และอดีตพันโทโยชิมา ตานาคูชิ ก็แจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้ร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ทราบ และออกคำสั่งให้เขาวางอาวุธ นายทหารใจเพชร ผู้แข็งกร้าวและยึดมั่นในวินัยจึงยอมวางอาวุธพร้อมกับเดินทางออกจากป่าเมื่อ วันที่ 10 มีนาคม 1974 หลังจากหลบซ่อนอยู่ในป่านานถึง 29 ปี
สิ่ง ที่เหลือติดตัวร้อยโทฮีรุ โอโนดะ ก็คือ เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งชุดเดียวกับปืนเล็กยาวพร้อมกระสุน และดาบซามูไรอีกเล่มหนึ่งเท่านั้น
การกลับคืนสู่ประเทศญี่ปุ่นของนายทหารใจเพชรผู้นี้ ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับวีรบุรุษผู้กล้าคนหนึ่ง มารดาวัยชราอายุ 88 ปี ซึ่งเชื่อว่าบุตรชายของนางเสียชีวิตไปแล้วและไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาที่ สุสานนิรนามแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กรุงโตเกียวเป็นประจำ กล่าวอย่างปิติว่า
"การอบรม แก่เขาตามแบบคนญี่ปุ่น ทำให้เขาเป็นทหารที่มีวินัย มีความจงรักภักดีต่อชาติสูงสุด และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 30 ปี เขาก็ยังยึดถือคำสั่งอย่างแน่วแน่"
ปัจจุบันโทฮีรุ โอโนดะถูกปลดจากการเป็นทหารและใช้ชีวิตเป็นเจ้าของฟาร์มแห่งหนึ่งในบราซิล และถ้ามีเวลาเมื่อไหร่เขาจะกลับไปเกาะลูบังเพื่อบริจาคเงินให้กับโรงเรียน ที่นั้น เขาทำแบบนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ทหารคนอื่นๆเพิ่มเติม
โชอิชิ โยโก
อิชิโนสุเกะ อูวาโนะ
โอบะ ซาคาเอะ
No comments:
Post a Comment